จีชางอุค(Ji Chang Wook) และชินฮเยซอน(Shin Hye Sun) จะแสดงร่วมกันในละครแนวโรแมนติกเรื่องใหม่!
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน JTBC ยืนยันว่านักแสดงทั้งสองจะรับบทนำในละครเรื่องใหม่ “Welcome to Samdalri” (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ)
“Welcome to Samdalri” กำกับโดยชายองฮุนผู้กำกับ “When the Camellia Blooms” จะแสดงโดยจีชางอุคในบทโจยงพิล ชายผู้ซื่อสัตย์ในบ้านเกิดของเขาบนเกาะเชจูมาตลอดชีวิตเพื่อปกป้องผู้อยู่อาศัย
หลังจากสูญเสียแม่ของเขาซึ่งทำงานเป็นแฮนยอ (นักดำน้ำหญิงที่เก็บเกี่ยวสิ่งมีชีวิตในทะเลเพื่อหาเลี้ยงชีพ) ตั้งแต่อายุยังน้อยเนื่องจากรายงานสภาพอากาศที่ผิดพลาด โจยงพิลจึงตัดสินใจเป็นนักพยากรณ์อากาศและปกป้องผู้อาวุโสของ บ้านเกิดของเขา อย่างไรก็ตาม ความหลงใหลและการปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลผิดๆ ทำให้เขาได้รับชื่อเสียงในที่ทำงานว่าเป็นตัวปัญหาหัวแข็งที่ไม่กลัวที่จะโต้เถียงกับเจ้านายของเขา
ในขณะเดียวกัน ชินฮเยซอนจะแสดงเป็นโจซัมดัลที่เติบโตมาพร้อมกับโจยงพิลในฐานะเพื่อนสนิทสมัยเด็กของเขา ซึ่งแตกต่างจากโจยงพิล ที่พอใจที่จะอยู่ในบ้านเกิดของเขาที่ซัมดัลรี โจซัมดัลทำให้ภารกิจของเธอคือออกจากเมืองเล็ก ๆ ของพวกเขาและย้ายไปที่โซล
หลังจากทำงานหนักหลายปีในฐานะผู้ช่วยในอุตสาหกรรมการถ่ายภาพแฟชั่นโจซัมดัล ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็นโจอึนฮเย ในกรุงโซล ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จและก้าวไปสู่จุดสูงสุด อย่างไรก็ตาม เมื่อทุกอย่างที่เธอทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างพังทลายลงในพริบตา เธอกลับไปที่ซัมดัลรี ซึ่งผู้คนยังคงรู้จักเธอในชื่อซัมดัล ไม่ใช่อึนฮเย
แม้ว่าโจยงพิลและโจซัมดัล จะเคยเป็นเพื่อนที่สะโพกเมื่อตอนที่พวกเขายังเด็ก แต่เพื่อนที่แยกกันไม่ออกเหล่านี้ไม่ได้ติดต่อกันอีกต่อไปเนื่องจากเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเขาต้องแยกจากกัน แต่เมื่อโจซัมดัลกลับไปที่ซัมดัลรี พวกเขาพบว่าความรักอันยาวนานที่เคยมีต่อกันกลับมาอย่างรวดเร็วเกินไป
“Welcome to Samdalri” มีกำหนดออกอากาศตอนแรกในช่วงครึ่งหลังของปี 2023
ที่มา 1
You may also like
-
Prime Video เตรียมจัดงานเปิดตัวและฉายรอบปฐมทัศน์ GOOD BOY ซีรีส์เกาหลีที่ที่หลายคนตั้งตารอคอย ในประเทศไทย
-
ปาร์ค จีฮุน ก้าวสู่ระดับโลกด้วยบทบาทสุดเข้มข้นใน “Weak Hero Class 2” ซีรีส์มาแรงจาก Netflix
-
5 เหตุผลที่ไม่ควรพลาดซีรีส์ The Divorce Insurance (เกมรักประกันใจ)
-
อีซียอง(Lee Si Young) ประกาศหย่าหลังแต่งงานมา 8 ปี
-
“The Witch” เรตติ้งผู้ชมพุ่งขึ้นครึ่งหลัง และ “The Potato Lab” ยังคงรักษาระดับสำหรับตอนที่ 2