นักแสดงชายคิมนัมกิล(Kim Nam Gil) เพิ่งให้สัมภาษณ์กับ OSEN!
ในการให้สัมภาษณ์ คิมนัมกิลได้แบ่งปันว่าทำไมเขาถึงเลือกมีส่วนร่วมในละครเรื่องนี้ ตัวละครของเขาคือใคร และอีกมากมาย
เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1990 เรื่อง “Through the Darkness” อิงจากเรื่องราวของนักอาชญวิทยารายแรกในเกาหลีใต้ ซึ่งมองเข้าไปในหัวใจของฆาตกรต่อเนื่องในช่วงเวลาที่การฆาตกรรมแบบสุ่มและไร้เหตุผลเพิ่มสูงขึ้นและคำว่า “การทำโปรไฟล์” ” ยังไม่มี
คิมนัมกิล รับบทเป็นซงฮายอง สมาชิกของทีมวิเคราะห์พฤติกรรมทางอาญาของสำนักงานตำรวจนครบาลกรุงโซล จินซอนคยูรับบทเป็นกุกยองซู ซึ่งเป็นเพื่อนและเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเดิมทีนำซงฮายอง เข้าสู่ทีมวิเคราะห์พฤติกรรมทางอาญา
คิมนัมกิลพูดถึงความท้าทายที่เขาต้องเผชิญกับตัวละครของเขาว่า “ผมคิดว่านี่เป็นตัวละครที่ผมไม่เคยเล่นมาก่อน ผมยังชอบความจริงที่ว่าผมสามารถแสดงตัวละครตัวนี้ในฐานะผู้สร้างโปรไฟล์คนแรกของเกาหลีได้ อีกปัจจัยที่แตกต่างจากบทบาทนี้คือตัวละครนี้มีตัวตนอยู่จริง ดังนั้นผมคิดว่านี่จะเป็นความท้าทายที่ดีที่ต้องทำ”
นักแสดงกล่าวต่อไปว่า “สิ่งที่ค่อนข้างมีเสน่ห์เกี่ยวกับละครเรื่องนี้ก็คือเรื่องที่มีพื้นฐานมาจากการรายงานที่ไม่ใช่นิยาย ผมชอบความจริงที่ว่าละครเรื่องนี้ส่งข้อความว่าทุกคนต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของตัวเอง และโลกนี้มีไว้สำหรับผู้คนที่จะทำงานร่วมกันและเข้าสังคม”
คิมนัมกิลยังได้แบ่งปันการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับตัวละครของเขา “ซงฮายองเน้นย้ำความยุติธรรมและมีความรับผิดชอบสูง เขาสามารถเห็นอกเห็นใจผู้คนในทุกสถานการณ์ อย่างไรก็ตามเขาจะเป็นคนเย็นชา เขาเป็นคนอ่อนไหวและใส่ใจในรายละเอียดเป็นอย่างมาก เขามุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้เมื่อเริ่มต้นบางสิ่ง”
“Through the Darkness” คาดว่าจะดึงดูดความสนใจของผู้ชมด้วยความสามารถในการแสดงที่น่าทึ่งของนักแสดงและเนื้อเรื่องที่ส่งผลกระทบ ละครจะออกอากาศตอนแรกในวันที่ 14 มกราคม เวลา 22:00 น. ตามเวลาเกาหลี
ที่มา 1
You may also like
-
Prime Video เตรียมจัดงานเปิดตัวและฉายรอบปฐมทัศน์ GOOD BOY ซีรีส์เกาหลีที่ที่หลายคนตั้งตารอคอย ในประเทศไทย
-
ปาร์ค จีฮุน ก้าวสู่ระดับโลกด้วยบทบาทสุดเข้มข้นใน “Weak Hero Class 2” ซีรีส์มาแรงจาก Netflix
-
5 เหตุผลที่ไม่ควรพลาดซีรีส์ The Divorce Insurance (เกมรักประกันใจ)
-
อีซียอง(Lee Si Young) ประกาศหย่าหลังแต่งงานมา 8 ปี
-
“The Witch” เรตติ้งผู้ชมพุ่งขึ้นครึ่งหลัง และ “The Potato Lab” ยังคงรักษาระดับสำหรับตอนที่ 2