พัคชินฮเย(Park Shin Hye) และโชซึงอู(Cho Seung Woo) ถ่ายทอดการเดินทางที่อันตรายของพวกเขาในโปสเตอร์ “Sisyphus: The Myth”

ละครพิเศษครบรอบ 10 ปีที่ เรื่องใหม่ “Sisyphus: The Myth” ทางช่อง JTBC เปิดตัวโปสเตอร์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นของพัคชินฮเย(Park Shin Hye) และโชซึงอู(Cho Seung Woo)!

“Sisyphus: The Myth” เป็นละครแนวแฟนตาซี – ลึกลับที่นำแสดงโดยโชซึงอูรับบทเป็นฮันแทซอลวิศวกรอัจฉริยะที่ออกเดินทางไปสู่อันตรายเพื่อนำสิ่งมีชีวิตที่ซ่อนอยู่ในแสงสว่างที่แอบอาศัยอยู่ในโลกของเราไปให้กับพัคชินฮเย คังซอเฮผู้ช่วยชีวิตผู้ซึ่งเดินบนเส้นทางที่ยาวนานและอันตรายสำหรับเขา

โชซึงอูใช้สายตาที่เฉียบคมและทรงพลังของเขาเพื่อครอบงำบรรยากาศลึกลับแฟนตาซีที่น่าสนใจซึ่งสร้างโดยโปสเตอร์ที่เพิ่งเปิดตัว เขากลายร่างเป็นฮันแทซอลเขาพร้อมที่จะจัดการกับบุคคลลึกลับในโลกของเราที่ซ่อนตัวตนของพวกเขาทันที พัคชินฮเยรับบทคังซอเฮผู้หวนคืนสู่อดีตเพื่อช่วยฮันแทซอลและโลกจากอันตราย โปสเตอร์ของเธอสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของตัวละครที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ ผู้โพสต์ทำให้เกิดความคาดหวังสำหรับละครเรื่องใหม่ที่กำลังจะมาถึงในขณะที่นักแสดงนำทั้งสองล้อเลียนเรื่องราวลึกลับที่พวกเขาจะส่งมอบให้กับผู้ชมผ่านทางละคร

นอกจากนี้โปสเตอร์ชุดที่สามเผยให้เห็นภาพแรกของ “สิ่งมีชีวิตที่ซ่อนอยู่” ผ่านภาพเงาลึกลับ แม้จะมีการปกปิดใบหน้าผู้ชมสามารถตรวจจับออร่าที่น่าทึ่งจากร่างที่ถูกปกคลุมทำให้เกิดคำถามว่าใครสามารถซ่อนอยู่หลังหมอกควันได้

จุดที่น่าสนใจอีกอย่างที่ผู้ชมสามารถรอคอยในละครเรื่องต่อไปนี้คือสัญลักษณ์ซิกม่าสีแดงเรืองแสงที่ปรากฏบนตัวละครทั้งสามตัว ผู้ชมสามารถติดตามชมละครได้ในขณะที่พยายามค้นหาว่าอักษรกรีกซึ่งใช้เป็นสัญลักษณ์สรุปในทางคณิตศาสตร์อาจบ่งบอกถึงอะไรในละครได้

ทีมผู้ผลิตกล่าวว่า “ในภาษากรีกโบราณอักษรตัวแรกของ Sisyphus คือซิกม่า นอกจากนี้ยังหมายความว่าซิกม่าแสดงถึงจุดสนใจหลักในโลกของ ‘Sisyphus: The Myth‘ หากดูใกล้ ๆ คุณจะพบสัญลักษณ์เดียวกันนี้ในโลโก้ของละครด้วย “ตั้งคำถามเกี่ยวกับความหมายเบื้องหลังซิกมาใน ละครรวมถึงบุคคลลึกลับจะเชื่อมโยงกับฮันแทซอลและคังซอเฮได้อย่างไร

ละครเรื่องนี้กำกับโดยผู้กำกับจินฮยอกซึ่งเคยมีผลงานเรื่อง “The Legend of the Blue Sea”,“Doctor Stranger”,“Master’s Sun” และอื่น ๆ เขียนโดยนักเขียนคู่อีแจอินและจอนชานโฮ “Sisyphus: The Myth” จะออกอากาศตอนแรกในเดือนกุมภาพันธ์ต่อจากตอนจบของของ “Run On”

ที่มา 1