พโยเยจิน(Pyo Ye Jin) และอีจุนยอง(Lee Jun Young) ได้รับการยืนยันให้รับบทนำในละครเรื่องใหม่ “I Openly Dream of Becoming Cinderella” (ชื่ออย่างเป็นทางการ)!
“I Openly Dream of Becoming Cinderella” เป็นละครโรแมนติกคอมเมดี้ที่รวบรวมความโรแมนติกอันวุ่นวายระหว่างผู้หญิงที่ใฝ่ฝันที่จะเป็นซินเดอเรลล่าเนื่องจากความเป็นจริงที่ยากลำบากของเธอ และอัศวินในชุดเกราะส่องแสงที่ไม่เชื่อในความรัก นักเขียนเบคมีคยองจาก “The Lady in Dignity”, “Strong Woman Do Bong Soon” และ “Mine” จะเข้าร่วมในโครงการที่กำลังจะมาถึงในฐานะผู้สร้าง
อีจุนยองจะรับบทเป็นมุนชามิน แชโบลรุ่นที่สามที่หยิ่งผยองและเป็นซีอีโอของโซเชียลคลับที่มีทุกอย่างยกเว้นมารยาท มุนชามินดูถูกเหยียดหยามผู้ที่มีความฝันเหมือนซินเดอเรลล่า อย่างไรก็ตาม ชีวิตของเขาพลิกผันอย่างไม่คาดคิด เมื่อเขาเข้าไปพัวพันกับพนักงานใหม่ชินแจริม (พโยเยจิน) และเริ่มต้นการเดินทางของการค้นพบตัวเอง

พโยเยจินจะรับบทเป็นชินแจริม ผู้หญิงที่เริ่มแรกเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการโซเชียลคลับด้วยความหวังว่าจะได้พบกับเจ้าชายแชโบลผู้มั่งคั่ง เมื่อการเดินทางของเธอดำเนินไป เธอก็ค่อยๆ เรียนรู้ที่จะพึ่งพาผู้อื่นให้น้อยลง และไล่ตามความรักที่แท้จริงอย่างแข็งขัน ในกระบวนการนี้ เธอกลายเป็นซินเดอเรลล่าสมัยใหม่ผู้เป็นอิสระซึ่งควบคุมชีวิตของเธอเอง
ละครเรื่องนี้จะควบคุมโดยผู้กำกับคิมมินคยองจาก “Comedy Big League” และ “SNL Korea” และเขียนบทโดยนักเขียนหน้าใหม่ยูจา
ทีมผู้ผลิตเล่าว่า “เราต้องการนำเสนอละครที่อบอุ่นใจซึ่งสะท้อนกับผู้ที่เบื่อหน่ายกับความเป็นจริงซึ่งกลายเป็นเรื่องยากที่จะบรรลุความสำเร็จด้วยความพยายามของตนเองเพียงอย่างเดียว ท้ายที่สุดแล้ว เราหวังว่าจะมอบเสียงสะท้อนที่ลึกซึ้ง อารมณ์ และผลกระทบที่คงอยู่แก่ผู้ชมด้วยการนำเสนอตัวละครที่เอาชนะความซับซ้อนของซินเดอเรลล่า และรวมตัวกันแทนที่จะพึ่งพาผู้อื่น”
“I Openly Dream of Becoming Cinderella” มีกำหนดออกอากาศตอนแรกในปี 2024
ที่มา 1
You may also like
-
Prime Video เตรียมจัดงานเปิดตัวและฉายรอบปฐมทัศน์ GOOD BOY ซีรีส์เกาหลีที่ที่หลายคนตั้งตารอคอย ในประเทศไทย
-
ปาร์ค จีฮุน ก้าวสู่ระดับโลกด้วยบทบาทสุดเข้มข้นใน “Weak Hero Class 2” ซีรีส์มาแรงจาก Netflix
-
5 เหตุผลที่ไม่ควรพลาดซีรีส์ The Divorce Insurance (เกมรักประกันใจ)
-
อีซียอง(Lee Si Young) ประกาศหย่าหลังแต่งงานมา 8 ปี
-
“The Witch” เรตติ้งผู้ชมพุ่งขึ้นครึ่งหลัง และ “The Potato Lab” ยังคงรักษาระดับสำหรับตอนที่ 2